ดูเป็นเรื่องที่น่าสงสารชีวิตของลูกผู้หญิงเสียเหลือเกิน การเกิดมาของสตรีเพศ ได้รับความทุกข์โดยธรรมชาติของความเป็นหญิง และต้องได้รับความทุกข์ความกดดันจากประเพณีและวัฒนธรรมอีก ใครบ้างหนอที่จะพอเข้าใจถึงการได้เกิดมาเป็นลูกผู้หญิงบ้าง
ความทุกข์ที่ของสตรีที่ธรรมชาติมอบให้ติดตัวมา ๑. ทุกข์เพราะมีฤดู ๒. ทุกข์เพราะต้องจากสกุลของตนไปสู่สกุลของสามี ๓. ทุกข์เพราะต้องบำเรอสามี ๔. ทุกข์เพราะตั้งครรภ์ ๕. ทุกข์เพราะการคลอดบุตร
ผู้หญิงเมื่อก้าวเข้าวันของความเป็นสาว ความเปลี่ยนแปลงของทางร่างกายก็ปรากฎผิดไปจากเดิมโดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่เป็นรุ่นราวคราวเดียวกันจะไม่ทราบก็คือการมีประจำเดือนหรือมีฤดู ซึ่งมีอยู่ทุกๆ ๒๘ วัน การฤดูหรือรอบเดือนนั้น เป็นความทุกข์ของสตรี ที่ไม่สามารถที่หลีกเลี่ยงได้ ทั้งอารมณ์สุขภาพร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง จะรู้สึกหงุดหวิด ป่วยไข้ไม่สบาย
ผู้หญิงเมื่อถึงคราวแต่งงานมีเย้ามีเรือน ต้องจากสกุลตัวเองจากครอบครัววที่อบอุ่นของตัวไปอยู่กับชายสามีของตน จะต้องปรนนิบัติสามีของตนและญาติผ่ายสามีเป็นต้นว่าพ่อแม่ของสามี เราอาจทำอะไรไม่ถูกใจท่าน บางครั้งก็ถูกดุด่าเกิดความทุกข์ขึ้น บางครอบครัวสะใภ้กับแม่สามีจะไม่ค่อยลงรอยกันซึ่งปรากฏให้เห็นในสังคมไทยในปัจจุบัน
ความต้องการที่ชายปรารถนาจากหญิงก็คือ การได้บำรุงบำเรอจากฝ่ายหญิงโดยต้องใช้ร่างกายของตัวเอง ทำให้สามีหรือชายที่ตนรักพึงพอใจ ฉะนั้นหญิงจึงถูกกดขี่ทางเพศมาก จากภาวะของหญิงที่อ่อนแอจึงถูกทารุณทางเพศจากชายมาก
หญิงที่เริ่มตั้งครรภ์จะมีอาการแพ้ท้องอยู่ไม่เป็นสุข จะดูแลตัวเองมากขึ้นมากกว่าเดิม เพราะนั้นหมายถึงอีกชีวิตหนึ่งที่อยู่ในท้องที่เราจะต้องดูแล นอกจากกิจการงานที่ตนเองรับภาระเป็นประจำอยู่คือภายในบ้าน การหุงหาอาหารรับผิดชอบในครัวเรือนแล้ว ต้องมีภาระที่หนีไม่ได้เป็นภาระที่หนักคือต้องดูแลลูกในภรรค์ที่นับวันก็โตขึ้นเรื่อยๆ ระยะเวลา ๔-๕ วันก็พอทนได้แต่นี้ ๘-๙ เดือน มันเรื่องที่ผู้ไม่เคยทำเลย หรือผู้ชายก็ทำไม่ได้
ยามเมื่อครรภ์แก่และคลอดบุตร เป็นคราวเคราะห์ที่หญิงเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตเป็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นอย่างแสนสาหัสและเสี่ยงชีวิตอย่างมาก สตรีบางคนยังไม่ได้เห็นหน้าลูกสุดที่รักที่อุตส่าห์ทนุถนอมมา ตัวเองตัองมาขาดใจเสียชีวิตก่อนก็มีให้เห็นมากมาย บางทีบุตรก็ต้องมาเสียชีวิตในระหว่างคลอดก็มี ก็ยิ่งเพิ่มความทุกข์ทรมานมาให้ผู้ที่เป็นแม่นั้นอีก มันความทุกข์ความปวดร้าวที่เกิดขึ้นแก่บุคคลที่ชื่อว่าสตรีเสียจริง ในคัมภีร์พระสุตตันปิฎกเล่มที่ ๑๘ แห่งสังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค์ กล่าวไว้ว่า
[๔๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์แผนกหนึ่งของมาตุคามที่ตนจะต้อง เสวย เว้นจากบุรุษ ๕ อย่างนี้ ความทุกข์ ๕ อย่างเป็นไฉน คือ มาตุคามใน โลกนี้ เมื่อยังกำลังสาวไปสู่สกุลผัวเว้นจากญาติ อันนี้เป็นความทุกข์แผนกหนึ่ง ของมาตุคามข้อต้นที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ฯ
[๔๖๓] อีกประการหนึ่ง มาตุคามมีระดู อันนี้เป็นความทุกข์แผนกหนึ่ง ของมาตุคามข้อที่ ๒ ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ฯ
[๔๖๔] อีกประการหนึ่ง มาตุคามมีครรภ์ อันนี้เป็นความทุกข์แผนก หนึ่งของมาตุคามข้อที่ ๓ ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ฯ
[๔๖๕] อีกประการหนึ่ง มาตุคามคลอดบุตร อันนี้เป็นความทุกข์แผนก หนึ่งของมาตุคามข้อที่ ๔ ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ฯ
[๔๖๖] อีกประการหนึ่ง มาตุคามเข้าถึงความเป็นหญิงบำเรอของบุรุษ อันนี้เป็นความทุกข์แผนกหนึ่งของมาตุคามที่ ๕ ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์แผนกหนึ่งของมาตุคามที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ๕ อย่างนี้แล ฯ
ความทุกข์ที่ของสตรีที่ธรรมชาติมอบให้ติดตัวมา ๑. ทุกข์เพราะมีฤดู ๒. ทุกข์เพราะต้องจากสกุลของตนไปสู่สกุลของสามี ๓. ทุกข์เพราะต้องบำเรอสามี ๔. ทุกข์เพราะตั้งครรภ์ ๕. ทุกข์เพราะการคลอดบุตร
ผู้หญิงเมื่อก้าวเข้าวันของความเป็นสาว ความเปลี่ยนแปลงของทางร่างกายก็ปรากฎผิดไปจากเดิมโดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่เป็นรุ่นราวคราวเดียวกันจะไม่ทราบก็คือการมีประจำเดือนหรือมีฤดู ซึ่งมีอยู่ทุกๆ ๒๘ วัน การฤดูหรือรอบเดือนนั้น เป็นความทุกข์ของสตรี ที่ไม่สามารถที่หลีกเลี่ยงได้ ทั้งอารมณ์สุขภาพร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง จะรู้สึกหงุดหวิด ป่วยไข้ไม่สบาย
ผู้หญิงเมื่อถึงคราวแต่งงานมีเย้ามีเรือน ต้องจากสกุลตัวเองจากครอบครัววที่อบอุ่นของตัวไปอยู่กับชายสามีของตน จะต้องปรนนิบัติสามีของตนและญาติผ่ายสามีเป็นต้นว่าพ่อแม่ของสามี เราอาจทำอะไรไม่ถูกใจท่าน บางครั้งก็ถูกดุด่าเกิดความทุกข์ขึ้น บางครอบครัวสะใภ้กับแม่สามีจะไม่ค่อยลงรอยกันซึ่งปรากฏให้เห็นในสังคมไทยในปัจจุบัน
ความต้องการที่ชายปรารถนาจากหญิงก็คือ การได้บำรุงบำเรอจากฝ่ายหญิงโดยต้องใช้ร่างกายของตัวเอง ทำให้สามีหรือชายที่ตนรักพึงพอใจ ฉะนั้นหญิงจึงถูกกดขี่ทางเพศมาก จากภาวะของหญิงที่อ่อนแอจึงถูกทารุณทางเพศจากชายมาก
หญิงที่เริ่มตั้งครรภ์จะมีอาการแพ้ท้องอยู่ไม่เป็นสุข จะดูแลตัวเองมากขึ้นมากกว่าเดิม เพราะนั้นหมายถึงอีกชีวิตหนึ่งที่อยู่ในท้องที่เราจะต้องดูแล นอกจากกิจการงานที่ตนเองรับภาระเป็นประจำอยู่คือภายในบ้าน การหุงหาอาหารรับผิดชอบในครัวเรือนแล้ว ต้องมีภาระที่หนีไม่ได้เป็นภาระที่หนักคือต้องดูแลลูกในภรรค์ที่นับวันก็โตขึ้นเรื่อยๆ ระยะเวลา ๔-๕ วันก็พอทนได้แต่นี้ ๘-๙ เดือน มันเรื่องที่ผู้ไม่เคยทำเลย หรือผู้ชายก็ทำไม่ได้
ยามเมื่อครรภ์แก่และคลอดบุตร เป็นคราวเคราะห์ที่หญิงเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตเป็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นอย่างแสนสาหัสและเสี่ยงชีวิตอย่างมาก สตรีบางคนยังไม่ได้เห็นหน้าลูกสุดที่รักที่อุตส่าห์ทนุถนอมมา ตัวเองตัองมาขาดใจเสียชีวิตก่อนก็มีให้เห็นมากมาย บางทีบุตรก็ต้องมาเสียชีวิตในระหว่างคลอดก็มี ก็ยิ่งเพิ่มความทุกข์ทรมานมาให้ผู้ที่เป็นแม่นั้นอีก มันความทุกข์ความปวดร้าวที่เกิดขึ้นแก่บุคคลที่ชื่อว่าสตรีเสียจริง ในคัมภีร์พระสุตตันปิฎกเล่มที่ ๑๘ แห่งสังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค์ กล่าวไว้ว่า
[๔๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์แผนกหนึ่งของมาตุคามที่ตนจะต้อง เสวย เว้นจากบุรุษ ๕ อย่างนี้ ความทุกข์ ๕ อย่างเป็นไฉน คือ มาตุคามใน โลกนี้ เมื่อยังกำลังสาวไปสู่สกุลผัวเว้นจากญาติ อันนี้เป็นความทุกข์แผนกหนึ่ง ของมาตุคามข้อต้นที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ฯ
[๔๖๓] อีกประการหนึ่ง มาตุคามมีระดู อันนี้เป็นความทุกข์แผนกหนึ่ง ของมาตุคามข้อที่ ๒ ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ฯ
[๔๖๔] อีกประการหนึ่ง มาตุคามมีครรภ์ อันนี้เป็นความทุกข์แผนก หนึ่งของมาตุคามข้อที่ ๓ ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ฯ
[๔๖๕] อีกประการหนึ่ง มาตุคามคลอดบุตร อันนี้เป็นความทุกข์แผนก หนึ่งของมาตุคามข้อที่ ๔ ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ฯ
[๔๖๖] อีกประการหนึ่ง มาตุคามเข้าถึงความเป็นหญิงบำเรอของบุรุษ อันนี้เป็นความทุกข์แผนกหนึ่งของมาตุคามที่ ๕ ที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์แผนกหนึ่งของมาตุคามที่ตนจะต้องเสวย เว้นจากบุรุษ ๕ อย่างนี้แล ฯ
ชีวิตของลูกผู้หญิง จากหนังสือกากับผ้าเหลือง (หลวงปู่เขียว)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ยินดีต้อนรับความคิดเห็นดีๆ ติชมบทความตามพอเหมาะ