ถามตอบปัญหาธรรมะ เรื่อง นรก สวรรศ์ " พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) " |
" พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) "
จากหนังสือ นรก-สวรรค์ในพระไตรปิฏก
ถาม : ถ้าอย่างนั้นนรกที่เขาว่ากันไว้ ที่มีกระทะทองแดงก็คงจะไม่มีจริงหรือ ?
ตอบ : อ้าว ต้องขอโทษนะ ได้บอกว่านรก-สวรรค์ในพระไตรปิฏกมี ๓ ระดับที่ว่าเป็นแหล่งเป็นโลก เป็นภพอะไรที่นั้นนะ ที่ว่าหลังจากตายไปแล้วจะไปประสบหรือไปเกิด อันนี้ถ้าถือตามตัวอักษรพระไตรปิฏกก็มี แต่บอกว่า ถึงแม้ว่ามีก็อย่าเอาไปปนกับวรรณคดี หรือภาพจิตรกรรมฝาผนังว่าจะต้องวิจิตรพิสดารถึงอย่างนั้น เพราะเป็นธรรมดาของนักวรรณคดี ที่จะต้องมีจินตนาการและวิธีพูดวิธีทำให้คนเห็นจริงเห็นจังมากขึ้น คือต้องมีการปรุงแต่งสูง แต่ว่าแก่นนั้นมีอยู่
ก็ลองๆ ไปอ่านดูในพระสูตรที่อาตมาอ้างไว้เมื่อกี่นี้ ก็จะมีกล่าวถึงวิธีการลงโทษอะไรต่ออะไรเหมือนกัน ก็ไม่ได้ปฏิเสธขั้นนี้แต่อย่าไปปรุงแต่งให้วิจิตรพิสดารถึงขั้นนั้น ถ้าเป็นวรรณคดีมันก็ต้องเสริมกันบ้างละ แม้แต่เรื่องคนธรรมดาก็ยังมีการบรรยายภาพสร้างจินตนาการมากมายจนเลยความจริง อย่างหน้าตาของคนนี้บรรยายความสวยงามจนกระทั่งคนหน้าเป็นพระจันทร์ แล้วคนหน้ากลมเป็นพระจันทร์อย่างนั้นมันจะไปน่าดูอะไร มันเป็นไปไม่ได้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถาม : ท่านคะ แต่ที่มีในพระสูตรก็เรียกได้ว่ามีการปรุงแต่งอยู่ใช่ไหมคะ พูดถึงนรก-สวรรค์ เช่นพยายามบรรยายให้เห็นว่านรกน่ากลัว และสวรรค์สวยงามน่าอยู่ ก็เรียกว่าปรุงแต่งแล้วใช่ไหมค่ะ
ตอบ : ในพระสูตรจริงๆ ไม่บรรยายวิจิตรพิสดาร แต่ในอรรถกถาฏีกา พรรณนาเยอะ แต่ก็จัดว่ายังน้อยกว่าทางวรรณคดี เช่น ในเรื่อง ไตรภูมิ ซึ่งเป็นขั้นประมวล แล้วเขียนอธิบายเพิ่มเติม
แหล่งสำคัญที่มาของไตรภูมิก็มาจากชั้นอรรถกถาฏีกา ในพระไตรปิฏกก็คล้ายๆ เป็นเชื้อหรือเป็นแกน อรรถกถาฏีกาก็มาอธิบายขยายออกไป
เรื่องการบรรยายให้เห็นเป็นภาพพจน์นั้น เกี่ยวกับวิธีพูดด้วย วิธีพูดอย่างที่ว่าให้เห็นภาพพจน์นั้น ต้องพูดจนมองเห็นภาพเลยถ้าพูดให้เห็นภาพเป็นจริงเป็นจังได้ คนนั้นก็พูดเก่ง สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นมันพูดยาก การจะมาทำให้คนอื่นเข้าใจ ก็ต้องพูดให้เห็นภาพ การพูดให้เห็นภาพนี้บางทีก็อาจจะต้องมีการสร้างภาพขึ้นมาบ้าง
ที่นี้ นรก-สวรรค์นี้เรามาลองวิเคราะห์กันดู ในกรณีที่เมื่อมีจริงอย่างนั้น เป็นภาพเป็นภูมินี่มันจะเหมือนกับชีวิตในโลกนี้ได้อย่างไร ถ้าเหมือนจริงก็เห็นเลยใช่ไหม ก็เห็นด้วยตาสิ ที่นี้มันมองไม่เห็นด้วยตาใช่ไหม ว่ากันตามหลักนะ นรกนี้เห็นด้วยตาไหม สวรรค์เห็นด้วยตาไหม ไม่เห็น เมื่อไม่เห็น สภาพชีวิตต้องไม่เหมือนกับมนุษย์ใช่ไหม เมื่อไม่เหมือน ความทุกข์ทรมานอะไรๆ วิธีการลงโทษนี่มันจะต้องแปลกไป ไม่เหมือนกับของมนุษย์
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถาม : มีปัญหากราบเรียนถามท่านต่อไปว่า เมื่อยอมรับว่ามีเป็นภพภูมิเช่นนี้ มันอยู่ที่ไหน อยู่ข้างล่างหรือข้างบน
ตอบ : นี่แหละวรรณคดีก็มาสร้างเป็นล่างเป็นบน แต่ว่าที่จริงแล้วในจักรวาลนี้ไม่มีล่างมีบน จะกำหนดที่ไหนเป็นล่างเป็นบนได้บ้าง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถาม : ถ้าหากนรก-สวรรค์ขึ้นอยู่กับระดับจิตของคน ที่นี้คนเราเวลาใกล้จะตาย ถ้าเราคิดดี เราก็จะไปดี ถ้าเผื่อคนที่เป็นโจรมาตลอดชีวิต พอถึงตอนใกล้ตายเกิดคิดดีเขาก็จะได้ไปดี แต่อีกคนหนึ่งทำดีมาตลอดชีวิต เกิดมาคิดไม่ดีตอนตาย ไม่กลายเป็นว่าทำดีมาตลอดชีวิตแล้วไม่ได้รับผลดีตอบสนองเลยหรือคะ
ตอบ : มี มันเป็นอย่างนั้นได้จริง แต่ว่าไม่ต้องไปกลัวหรอกเอาตัวอย่างเลย เอาเรื่องที่มีในคัมภีร์ เช่นเรื่องของพระนางมัลลิกาซึ่งเป็นสาวกคนสำคัญของพระพุทธเจ้า ตอนตายนั้นจิตไม่ดีสักหน่อยก็เลยต้องตกนรกไปเจ็ดวัน เจ็ดวันเท่านั้นแล้วแกก็ไปดีไปสวรรค์ต่อไป คือเวลาจิตจะดับสำคัญที่สุดวาจิตเศร้าหมองหรือผ่องใส
คนที่ทำแต่ความชั่วมาตลอดเวลา พื้นภูมิของจิตมันเป็นอย่างนั้นแล้ว จะให้คิดดีได้นั้นมันยากเหลือเกิน มันจึงเป็นกรณียกเว้น เหมือนกับน้ำที่ไหลบาท่วมทำนบที่ไหลแรงมา จะให้วายทวนกระแสนี้ยากที่สุด การสร้างระดับจิตที่เป็นอยู่ธรรมดาหนักไปข้างไหน มันก็ทำให้มีแนวโน้มว่าเมื่อตายจิตจะเป็นอย่างนั้น นี้เอาหลักทั่วไปก่อน
กรณียกเว้นที่ว่านี้มันยาก แรงดันมันไปทางหนึ่ง แล้วจะหักกลับอีกทางนั้นมันยาก แต่มันก็มี กรณียกเว้นก็มี คนทำดีมาตลอดแต่เวลาตายอาจจะไปนึกอะไรสักอย่างที่ไม่ดีที่เคยทำไว้ ก็เลยเสียไป แต่นรก-สวรรค์ไม่ใช่นิรันดร ต่อไปสิ้นระยะนั้นแล้วก็กลับไปดีได้อีก ฝ่ายตรงข้ามก็เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นกรณียกเว้นไม่ต้องไปกลัว ทั่วไปก็ต้องเป็นไปตามแรงสะสม มันเป็นเรื่องของเหตุของผลนี่ แม้แต่ในชาตินี้ก็เหมือนกัน มันก็มีกรณียกเว้น
ที่มา : จากหนังสือ นรก-สวรรค์ในพระไตรปิฏก เว็ป http://www.watnyanaves.net/ธรรมนิพนธ์
รูปภาพจาก http://www.larnbuddhism.com/puttaprawat/image/50.gif
" พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) "
จากหนังสือ นรก-สวรรค์ในพระไตรปิฏก
ถาม : กรณีที่คนตายไปแล้ว เช่น ตายไป ๓ วัน แล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วก็เล่าว่าไปเที่ยวนรก-สวรรค์มา อธิบายว่าไปเห็นมาอย่างนั้นๆ อย่างนี้อยากกราบเรียนถามท่านว่า เขาตายไปจริงหรือเปล่า หรือว่าเขาเหมือนหลับไป เป็นเรื่องของจิตใต้สำนึก ถ้าเขาตายไปจริง แล้วทำไมเขาถึงกลับมาอีกได้ ?
ตอบ : อาตมายังนึกว่าเขาตายไม่จริง หรือยังไม่ตายนั้นแหละ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถาม : แต่หมอก็ลงความเห็นว่าตายแล้ว
ตอบ : หมอก็มนุษย์ปุถุชนเหมือนกัน หมอก็ว่าไปตามปรากฏการณ์เท่าที่ยอมรับกันทางหลักวิชาว่า ถ้ามีสภาพอย่างนี้เกิดขึ้น เรียกว่าตายแล้ว แต่มันอาจจะมีอะไรละเอียดอ่อนกว่านั้นอีก ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เรื่องที่วิทยาศาสตร์ยังรู้ไม่พอหมอเองก็ไม่ได้พิสูจน์ลึกซึ้งไปถึงขั้นนั้น ก็อาจจะเป็นไปได้
**************************************************************************
ที่มา : จากหนังสือ นรก-สวรรค์ในพระไตรปิฏก เว็ป http://www.watnyanaves.net/ธรรมนิพนธ์
รูปภาพจาก http://www.larnbuddhism.com/puttaprawat/image/50.gif
" พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) "
จากหนังสือ นรก-สวรรค์ในพระไตรปิฏก
ถาม : คนที่ทำบาปแล้วตกนรกไป ในขณะที่กำลังรับโทษอยู่นั้น เขาเกิดสำนึกได้ ต้องการที่จะทำความดีจะได้ไหม ?
ตอบ : ตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถาม : ไม่มีโอกาสที่จะทำความดีอีกหรือค่ะ ?
ตอบ : ในขณะที่กำลังรับโทษอยู่นั้น ไม่มีโอกาส
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถาม : แต่การทำความดีเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริม ถ้าไม่ส่งเสริมในขณะที่เขากำลังอยากจะทำความดี
ตอบ : นี้มันเรื่องของธรรมชาติ เราจะเข้าไปแทรกแซงได้อย่างไร นี่แหละจึงว่าความเป็นได้หรือไม่ได้ในธรรมชาติ เป็นเรื่องของกฏธรรมชาติไป ในเมื่อเรารู้ว่าตายไปแล้ว ทำความดีไม่ได้ แก้ตัวไม่ได้อีก จึงต้องทำเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ จึงประมาทไม่ได้ ท่านก็เลยสอนเท่าที่ทำได้ปฏิบัติได้ ก็จึงเอามาย้ำว่า นี่นะ เธอตายไปแล้ว ถ้าไปตกนรก ไปแก้ตัวใหม่ในนั้นไม่ได้นะ ฉะนั้นจึงต้องทำความดีเสียตั้งแต่บัดนี้ แต่ตามปกติมนุษย์ยอมทำความดีบ้าง ชั่วบ้างปนกันไป
ดังนั้นเมื่อรับผลกรรมชั่วในนรกแล้ว ต่อไปกรรมดีที่เคยทำไว้ก็ให้ผลได้อีก เช่นกลับมาเกิดเป็นมนุษย์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถาม : ท่านคะ แต่พอรู้สึกตัวว่าทำความชั่วมา เพียงแค่ตอนที่รู้สึก ก็เรียกว่าทำความดีแล้วใช่ไหมคะ
ตอบ : ก็เป็นความดีแล้ว เป็นความสำนึก เพราะมันจะเป็นจุดเชื่อมต่อที่เกิดสติแล้วหันกระแสได้ต่อไป เราจะเปลี่ยนกระแสได้นี้ต้องสำนึกก่อน สำนึกแล้วก็รู้ เป็นสติกับปัญญา ทำให้เปลี่ยนแปลงหันเหวิธีการ หันเหทิศทาง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถาม : เพราะฉะนั้นนักโทษที่กำลังได้รับโทษอยู่ ก็ยังมีโอกาสอยู่ โอกาสสุดท้ายตอนที่สำนึกได้ ?
ตอบ : เอาล่ะ แกก็ทำดี แม้แต่จิตที่สำนึกนี้ก็ทำให้แก่หันมายึดเหนี่ยวสิ่งที่เป็นคุณงามความดี สิ่งที่เป็นธรรมะ เป็นกุศลขึ้น
**************************************************************************
ที่มา : จากหนังสือ นรก-สวรรค์ในพระไตรปิฏก เว็ป http://www.watnyanaves.net/ธรรมนิพนธ์
รูปภาพจาก http://www.larnbuddhism.com/puttaprawat/image/50.gif
ทางสายกลาง คือหนทาง พ้นทุกข์เหนือสุข มรรค ๘ เขาว่าดินเเดนนิพพานไม่มีที่อยู่เพราะปราศจาคอัตตา ดินเเดนธรรม พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช |
" พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) "
จากหนังสือ นรก-สวรรค์ในพระไตรปิฏก
ถาม : ขอเรียนถามท่านว่า คนเรานี้เวลาตายไป ถ้าทำดีจะไปสวรรค์เลย หรือทำชั่วจะไปนรกเลย หรือต้องรอให้มีการตัดสินก่อนคะ ?
ตอบ : ไม่รู้จะเอาใครมาตัดสิน เพราะทุกสิ่งเป็นไปตามกฎธรรมดาหรือกฎธรรมชาติ เป็นไปตามเหตุตามผล ทำความชั่วผลชั่วก็เกิด ทำความดีผลดีก็เกิด จึงบอกว่านี้เป็นกฎธรรมดา ไม่จำเป็นต้องอ้อนวอนอะไรอีก ผลมันเกิดจากเหตุ ฉะนั้นเมื่อจะไปสวรรค์ เวลาตายก็ต้องทำระดับจิตใจของเราให้ดี ถ้าระดับจิตของเราผ่องใส นึกถึงสิ่งที่ดีงามก็ไปสวรรค์ เป็นการตัดสินตัวเองเลย ไม่ต้องมีใครมาตัดสินอีกแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถาม : ขอเรียนถามท่านต่อว่า คนเราต้องทำดีกี่เปอร์เซ็นต์จึงจะได้ไปสวรรค์ และทำชั่วกี่เปอร์เซ็นต์จึงจะไปนรก แล้วถ้าเป็นกรณีก้ำกึ่งกันจะเป็นยังไงคะ
ตอบ : อันนี้ขึ้นอยู่กับภูมิระดับจิตที่มีอยู่ตามธรรมดา ไม่ต้องพูดเป็นเปอร์เซ็นต์ จิตอยู่ในระดับใดก็ไปตามนั้น แต่ถ้าระดับก้ำกึ่งกันก็น่าจะมามนุษย์ละมัง
แต่การเกิดเป็นมนุษย์นี้ท่านว่ายากเหลือเกินนะ ตามหลักบอกว่า มนุษย์นี้เป็นสุคติของเทวดา เทวดานี่อยากเกิดเป็นมนุษย์นะ เทวดาที่เราว่ามีความสุขสบายนี้ พวกนี้ตรัสรู้ยาก เพราะว่าเทวดาได้รับแต่อารมณ์ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ในสิ่งที่เป็นสุข มีแต่ทางให้ลุมหลงมัวเมามาก พวกนี้หลุดพ้นยาก
การได้มาเกิดเป็นมนุษย์นี้ดี เพราะได้รับสุขบ้างทุกข์บ้าง มีบทเรียนชีวิตมาก มีประสบการณ์ที่จะสอนตนเอง ทำให้เกิดสติจะทำให้ชีวิตสุกงอม ญาณปัญญาแกกล้า ทำให้ตรัสรู้ได้ดี ฉะนั้นท่านว่าการมาเกิดเป็นมนุษย์นี้ดีแล้ว เทวดายังอยากมาเกิดเป็นมนุษย์เลย ที่นี้ปัญหาอยู่ที่ว่าจะใช้ชีวิตมนุษย์อย่างไรจึงจะดีที่สุด
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถาม : ท่านค่ะ อย่างคนที่ตายโดยอุบัติเหตุ ไม่มีเวลามาตั้งระดับจิตใจ อย่างนี้จะไปอย่างไรคะ
ตอบ : อันนี้เคยตั้งคำถามกัน อุบัติเหตุอย่างรถชนนี่ยังไม่รวดเร็วเท่าไร อย่างพวกระเบิดไฮโดรเจนอะไรนี่ บางอย่างวับเดียวหายไปทั้งตัวเลย แม้แต่ขี้เถ้าก็ยังมองไม่เห็น อันนี้ความเร็วของวัตถุ แต่จิตยังเร็วว่าวัตถุ ๑๗ เท่า แค่นี้ก็หมดปัญหาไปเลย ๑๗ ขณะจิตเป็น ๑ ขณะรูป นี่ฝ่ายอภิธรรมว่าไว้
ตามหลักวิชานี้ถือว่า ทุกสิ่งเกิดดับตลอดเวลา เรามองไม่เห็นมันเอง มีการเกิดดับเร็วมาก เร็วชนิดที่ว่าเราไม่มีเครื่องวัดได้วัตถุเกิดดับเร็วมากอย่างนี้ จิตยังเกิดดับเร็วกว่า ๑๗ เท่า แค่นี้ก็คงจะแก้ปัญหานั้นได้
*******************************************************************************
ที่มา : จากหนังสือ นรก-สวรรค์ในพระไตรปิฏก เว็ป http://www.watnyanaves.net/ธรรมนิพนธ์
รูปภาพจาก http://www.larnbuddhism.com/puttaprawat/image/50.gif
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ยินดีต้อนรับความคิดเห็นดีๆ ติชมบทความตามพอเหมาะ