จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
เรื่องเล่าตลกๆจากพระ แฝงหลักคิด
ถ้าตอนใส่บาตรแล้วที่ยืนสกปรกมาก จะต้องถอดรองเท้าใส่บาตรด้วยหรือไม่ ?
" พระไม่ฉันรองเท้านะโยม " ...ไม่ต้องเอารองเท้าใส่มานะ.....
------------------------------
*พระนอนไม่หลับ เลยไปหาหมอใหม่จบมาจากเมืองนอก **
หมอ: เป็นอะไรครับ **
พระ : จำวัดไม่ได้จ๊ะโยมหมอ **
หมอ: (ทำหน้างง) แล้วจะกลับวัดยังไง **
พระ: (ทำหน้างงด้วย) มามอไซรับจ้างก็ต้องกลับมอไซนะโยม **
หมอ: (ทำหน้าง๊งงง) แล้วมอไซร ับจ้างจำวัดได้เหรอ **
พระ: (ทำหน้าง๊งงงด้วย) มอไซรับจ้างจำวัดไม่ได้หรอกโยม มีแต่พระที่จำวัดได้ **
หมอ: (ทำหน้างงง๊งงง) อ้าวไหนบอกว่าจำวัดไม่ได้ไง **
พระ : !\=-+#@ %^&*( +๐"ฯ, ?
จำวัดเป็นภาษาพระแปลว่านอน......................... **
หมอ: อ๋ออออออออออออออออออออออออออ **ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า **" ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย
อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก
แล้วเอาข้อมูลวัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา" **
อาตมาก็ตอบว่า **หลักๆเลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง
ละครที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ พอตอบออกไปอย่างนี้ **โยมก็สวนกลับทันที
**"ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน"
**
อาตมาก็จะอธิบา ยไปว่า **ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก
และที่สำคัญหากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลก
และจะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร ซึ่งนอกจากการอ่าน
การดูและการฟังแล้ว
หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮาก็ได้มาจากการพูดคุยกับเหล่าโยมๆนี่แหละ **
อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา **
"พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองนะคะ" **
"หา อะไรนะ" **
"พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองค่ะ" **
"ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร" **
"อ๋อ ขอโทษค่ะ" **
หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า **"เจริญพร" **
"ค่ะ เจริญพรเช่นกัน" **
แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วยข้างต้นก็คือ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม
จนถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว
หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น
พอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที **
"ถวายสังฆทานค่ะ" **
พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู
**
"ไม่ต้องค่ะ **" โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น **
"ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" **เธอพนมมือขึ้น
ก่อนกล่าวว่า **
"อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ" (ที่ถูกต้องจะต้องเป็น ภิกขุ
สังโฆ) **
พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา **"คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ
นะหลวงพี่" **อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า **"คิกขุ แปลว่า น่ารัก
สังโฆ แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก" **เท่านั้นแหละ**
พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลยแต่ก็มีบางกรณีที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก อย่างเมื่อเร็วๆนี้
มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา **"หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ" **
"ไปไหนล่ะโยม" **"ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ" **
โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้
แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่ ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม
จากตัวอย่างข้างต้น คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน
แต่มันก็สะท้อนให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง
**ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษ
เท่านั้น เช่นงานบวช งานศพ**
ต่างกับสมัยก่อนท ี่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น
ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสดุ้งแต่อย่างใด ซึ่งถ้าพูดถึงศัพท ์
แสงที่แสลงใจแล้ว ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่
ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆอยู่ ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา **
"แม่ๆ พระมาขอข้าว" **
"มาเยอะไหมลูก" **"มา 2 อัน" **
โห เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ
ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอนเด็กๆด้วย
"ถ้าพระกิน เรียก ฉัน"
" พระนอน เรียก จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
" พระป่วย เรียก อาพาธ"
" พระตาย เรียก มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
" แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง **
"เรียกคนมาดู" *
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ยินดีต้อนรับความคิดเห็นดีๆ ติชมบทความตามพอเหมาะ