จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

นิทานสั้นแง่คิดสอนใจ ถ้วยเก่า กับยายแก่

เรื่องถ้วยเก่ากับยายแก่

    ครั้งหนึ่ง มีบ้านหลังหนึ่งมีสามี ภรรยา ลูกชาย และอาม่าแก่ๆคนหนึ่ง อาม่าแก่มากและไม่แข็งแรง  มีอาการมือสั่นตลอดเวลา ทำให้ถือของลำบาก  โดยเฉพาะเวลาทานข้าวร่วมกับครอบครัว อาม่าจะถือชามข้าวได้ลำบากและทำข้าวหกลงบนโต๊ะตลอดเวลา     ลูกสะใภ้อาม่าก็รู้สึกหงุดหงิดและรำคาญกับเรื่องนี้มาก จึงปรึกษากับสามีว่า     นางทนไม่ได้ที่เห็นอาม่าทานข้าวหกเลอะเทอะเกลื่อนโต๊ะ มันทำให้นาง กินข้าวไม่ลง สามีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่สามารถ   หาวิธีทำให้มืออาม่าหายสั่นได้
    จากนั้น ไม่กี่วัน    ลูกสะใภ้ก็พูดกับสามีเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกว่า    จะไม่แก้ไขอะไรเลยหรือ  นางทนไม่ได้แล้ว    หลังจากโต้เถียงกันไปสักพัก    สามีก็ยอมแก้ไขตามคำแนะนำของภรรยา  นั่นคือ    เมื่อถึงเวลาทานข้าว  เขาก็จัดโต๊ะให้แม่นั่งแยกต่างหาก   ตามลำพังคนเดียว  โดยใช้ถ้วยข้าวราคาถูก ๆ บิ่น ๆ    เพราะอาม่าชอบทำถ้วยแตกบ่อย ๆ
     เมื่อถึงเวลาทานข้าว อาม่าเศร้าใจมาก   เพราะอาม่าก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไขอะไรได้    นางนึกถึงอดีตที่นางเคยเลี้ยงดูลูกชายด้วยความรักเสมอมา   นางไม่เคยปริปากบ่น หรือย่อท้อต่อความเหนื่อยยาก    เวลาที่ลูกชายเจ็บไข้  นางก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี   เวลาที่เขามีปัญหา  นางก็ช่วยแก้ไขทุกครั้ง   สภาพร่างกายของนางที่ทรุดโทรมเป็นที่รำคาญของลูกสะใภ้ในวันนี้    ก็คือผลจากการอดทน ตรากตรำทำงานหนักมาเป็นเวลายาวนานในวันก่อน ๆ    เพื่อให้ลูกชาย..หรือสามีของลูกสะใภ้ในวันนี้ได้เล่าเรียน..    มีความรู้..มีอาชีพการงานที่ทำให้ลูกเมียอยู่สุขสบาย   แต่ตอนนี้อาม่าเสียใจมาก..รู้สึกว่า..ตัวเองไร้ค่า..ถูกทอดทิ้ง 
  หลายวันผ่านไป..    อาม่ายังคงเศร้าสร้อย รอยยิ้มเริ่มจางหายจากใบหน้า     หลานชายตัวน้อยของอาม่าซึ่งเฝ้าจับตาทุกอย่างมาโดยตลอด    ก็เข้าไปปลอบใจและบอกคุณย่าว่า เขารู้ว่า..    คุณย่าเสียใจมากแค่ไหน  ที่ถูกพ่อแม่ของเขาปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้    และเขาก็บอกท่านว่า  เขามีวิธีที่จะให้อาม่าได้กลับ    ไปทานข้าวร่วมกับทุกคนได้เหมือนเดิม
    ความหวังเริ่มเบ่งบานขึ้นในหัวใจของหญิงชรา    นางถามหลานชายว่าจะทำอย่างไร    เด็กน้อยได้แต่ตอบเพียงว่า "เย็นนี้ขอให้คุณย่าแกล้งทำชามข้าว    ของคุณย่าตกให้มันแตก..เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจนะครับ"   อาม่าได้ฟังก็แสนจะแปลกใจ    แต่หลานชายตัวน้อยก็คงยืนกรานให้คุณย่าทำตามที่เขาบอก    และบอกว่าที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าทีของเขาเอง
      และแล้ว..เมื่อได้เวลาอาหารเย็น    หญิงชราก็ตัดสินใจลองทำตามที่หลานพูด  เพื่อจะดูว่า    หลานชายมีแผนการอะไร  นางจึงยกถ้วยข้าวใบเก่าที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นขึ้น    แล้วแกล้งปล่อยลงบนพื้น  เหมือนกับทำหลุดมือ     ถ้วยข้าวเก่าใบนั้นหล่นแตกกระจายไม่มีชิ้นดี!!!!! ลูกสะใภ้เห็นดังนั้น  ก็ลุกขึ้น  เตรียมจะด่าว่าอาม่าทันที    แต่แล้ว..ลูกชายตัวน้อยของเธอ  กลับรีบชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า
   "ว้า..คุณย่าทำไมทำชามแตกซะเละหมดล่ะครับ   นี่ผมอุตส่าห์ตั้งใจไว้ว่า..จะเก็บชามใบนี้ไว้ให้คุณแม่ผมใช้ต่อ..  แล้วเนี่ยผมจะเอาชามเก่าที่ไหนมาให้คุณแม่ผมใช้  ตอนแกแก่เท่าคุณย่าล่ะครับ??"
ลูกสะใภ้เมื่อได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ก็ถึงกับอึ้งงงงง....หน้าซีด ด่าไม่ออกอีกต่อไป    นางรู้สึกได้ทันทีว่า... ทุกสิ่งที่นางทำลงไปในวันนี้ย่อมจะเป็นตัวอย่าง    ให้ลูกชายของนางปฏิบัติต่อนางในวันหน้าเมื่อนางแก่ตัวลงเช่นกัน    นางรู้สึกอับอายและสำนึกผิดต่อการกระทำของตัวเอง   ตั้งแต่นั้นมา  ทุกคนในบ้านก็นั่งทานข้าวร่วมกันตลอดมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ยินดีต้อนรับความคิดเห็นดีๆ ติชมบทความตามพอเหมาะ

สายฝน แห่งชีวิต ปล่อยความทุกข์ กังวลไหลไปตาม สายน้ำ ไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวาง





ใบไม้ร่วงโรย ชีวิตล่วงเลย แต่ใจไม่ร่วงหล่น