ตอนเห็น# นี้ใน IG “# กษัตริย์มีไว้ทำไม”
ผมบอกได้เลยนะว่าตอนนั้น อารมณ์ขึ้นมากๆครับ
แต่พอมานั่งคิดอีกที น้องๆอาจจะไม่รู้จริงๆก็ได้นะ เลยถาม?
ผมก็เลยอยากจะบอกให้ทราบกันทุกคนนะครับว่า กษัตริย์มีไว้ทำไม?
จะพยายามเขียนแบบสั้นๆละกัน เพราะว่าถ้ามาversion เต็มๆ น้องๆคงต้องใช้เวลาในการอ่านกันหลายวัน 555
ก่อนจะเริ่ม น่าจะมีหลายคนถามว่า
“พี่โดนล้างสมองมาป่าว? "
"พี่เกิดทันเหรอ?"
พี่ขอตอบเลยว่า “น้องครับ การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ มันจำเป็นมากๆกับอาชีพของพี่ครับ พี่มีอาชีพทำงาน content แนวๆครีเอทีฟ,ศิลปะ ,และวัฒนธรรม ครับ (ไว้จะอธิบายคราวหลังนะว่ามันเกี่ยวข้องอย่างไร?)
และนอกจากในตำราแล้ว (ที่ใครอาจบอกว่ามีการแต่งเติม) เราสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จาก สถานที่จริง ,โบราณวัตถุ , ตลอดจนหลักฐานและบุคคลอ้างอิงต่างๆได้ครับ
เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะเดี๋ยวจะยาว
รัชกาลที่ 1 ท่านทรงครองราชย์ 27 ปี กว่าๆครับ
ท่านทรงทำอะไรให้พวกเราไว้บ้าง?
-ท่านรักษาเอกราชให้พวกเราครับ สงครามแรกของกรุงเทพ ก็คือสงครามเก้าทัพ ที่พม่าแห่กันมาเพียบเพื่อมาตี กทม ให้เป็นเมืองขึ้น
แต่พม่าก็แพ้ร.1 กลับไป ในสมัยของท่าน พม่ายกมาตีหลายรอบนะครับ แต่ก็แพ้กลับไปทุกที
-ท่านสร้างวัดพระแก้ว ไว้ให้พวกเรา (ช่วงก่อนโควิทมีนักท่องเที่ยวมาเยือนวันละ 2-3หมื่นคน สร้างรายได้เท่าไรคูณเอานะ)
-ท่านโปรดให้สังคายนาพระไตรปิฎก พ.ศ. 2331 และจารฉบับทองประดิษฐานไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
-ท่านทรงฟื้นฟูวรรณคดีไทยซึ่งเสื่อมโทรมตั้งแต่ยุคกรุงแตกให้ ให้กลับคืนดีอีกวาระหนื่ง
-ท่านทรงบูรณะปฏิสังขรณ์และสร้าง พระอารามเป็นจำนวนมาก เป็นการเปิดโอกาสให้ช่างฝีมือด้านต่างๆ มีงานทำ
(ยกตัวอย่างแค่นี้พอก่อนนะ เดี๋ยวจะยาว นี่แค่ร.1 เอง)
รัชกาลที่ 2 ทรงครองราชย์เกือบ 15 ปี
-ทรงมีพระอัจฉริยภาพในงานศิลปะหลายสาขา ทั้งทางด้านประติมากรรม ด้านการดนตรี แต่ที่โดด เด่นที่สุดเห็นจะเป็นในด้านวรรณคดี
-ยุค ร.2 ถือเป็นยุคทองของวรรณคดีไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ละครรำ รุ่งเรืองถึงขีดสุด ด้วยพระองค์ทรงเป็นกวีเอก และทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไว้หลายเล่มด้วยกัน เช่น รามเกียรติ์ตอนลักสีดา
วานรถวายพล พิเภกสวามิภักดิ์ สีดาลุยไฟ
รัชกาลที่ 3 ทรงครองราชย์ 26 ปีกว่าๆ
ท่านคือพระบิดาแห่งการค้าไทย
-ท่านทรงโปรดให้เปิดการค้าขายกับต่างประเทศ
เงินถุงแดงของท่าน(ในถุงเป็นเงินประเทศเม็กซิโกครับ) เป็นเงินกู้ชาติที่ ร.5ท่านใช้เป็นค่าไถ่ประเทศไทยจากฝรั่งเศสครับ
-ทรงโปรดให้สร้างป้อมปราการตามหัวเมืองสำคัญและ ตามชายฝั่งทะเล ตลอดจนต่อเรือรบเรือกำปั่นไว้ใช้ในราชการเป็นจำนวนมาก (เหมือนจะทรงรู้ว่าฝรั่งเศสจะมาบุกในสมัยร.5)
-ทรงขุดคลองไว้เยอะเช่นคลองบางขุนเทียน
-ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามเป็นจำนวนมาก โปรดให้มีการสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุ และโปรดให้จารึกตำราต่างๆ 8 หมวดบนแผ่นศิลา ประดับไว้ในวัดพระเชตุพนฯ เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน ถือได้เลยว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศเลยหละ
รัชกาลที่ 4 ทรงครองราชย์ 17 ปีกว่าๆ
-ทรงเป็นพระบิดาแห่งการทูต ท่านทรงติดต่อกับนานาอารยประเทศ เห็นได้จากการ ที่ประเทศต่างๆ ส่งคณะทูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี และติดต่อค้าขาย และพระองค์ได้ทรงแต่งคณะทูต ออกไปเจริญสัมพันธไมตรีตอบแทนหลายครั้ง เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา โปรตุเกส เดนมาร์ค ฯลฯ
-ทรงสนับสนุนให้มี การศึกษาศิลปวิทยาการใหม่ๆ เช่น วิชาการต่อเรือใบ เรือกลไฟ เรือรบ การฝึกทหารอย่างยุโรป
-ทรงให้ตั้งโรงกษาปณ์ขึ้นเพื่อผลิตเหรียญเงินขนาดต่าง ๆ ใช้แทนเงินพดด้วง ประกาศพิกัดอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อช่วยให้การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าได้คล่องและเป็นสากลขึ้น
-ทรงประกาศ กฎหมายต่าง ๆ ออกมา เป็นจำนวนมากเพื่อความผาสุก และให้ความเป็นธรรมแก่อาณาประชาราษฎร์ เช่นการลดภาษีอากร ลดหย่อนค่านา และอีกเยอะ
(พักครึ่งเวลาก่อนก็ได้นะครับ พรุ่งนี้มาอ่านต่อ เพราะ ร.5 น่าจะยาวครับ 555)
รัชกาลที่ 5 ท่านครองราชย์ 42ปี
ผลงานที่สำคัญของท่าน
-ทรงเลิกทาส
การเปลี่ยนแปลงต่างๆ จะเป็นผลสำเร็จได้ ต้องทำให้คนไทยได้เป็นไทเสียก่อน พระองค์จึงได้ทรงดำเนินการเลิกทาสโดยมิให้กระทบกระเทือนถึงเจ้าของทาสและทาส ด้วยพระราชหฤทัยแน่วแน่และทรงพระราชอุตสาหะอย่างยิ่ง ใช้เวลาถึง30ปี ก็ทรงเลิกทาสสำเร็จลงตามพระราชปณิธานที่ได้ทรงตั้งไว้
-ทรงได้รับยกย่องว่าเป็นนักปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศ จากแบบเก่ามาสู่แบบใหม่
-ทรงยกเลิกการไต่สวนพิจารณาคดีแบบจารีตนครบาลมาเป็นการไต่สวนพิจารณาคดีในศาลแบบปัจจุบัน
-ทรงจัดการศึกษาแผนใหม่ ทรงตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นทั้งในพระบรมมหาราชวังและตามวัดต่างๆ
-ทรงโปรดให้ปรับปรุงการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เช่น การประปา การรถไฟ และการไปรษณีย์-โทรเลข
-ทรงสร้างและบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ
-ทรงปรับปรุงระบอบการปกครองโดย เสด็จประพาสประเทศเพื่อนบ้านเช่นสิงคโปร์ และอินเดีย เพื่อศึกษาการปกครองแบบตะวันตกที่นำมาประยุกต์ใช้ได้ในประเทศตะวันออก เพื่อปรับปรุงการปกครองของไทยให้ทันสมัย โดยทรงแบ่ง ส่วนราชการการบริหาร และราชการส่วนกลางเป็น 12 กระทรวง
-การเสด็จประพาสต้น เป็นการเสด็จไปเพื่อสำราญพระราชอิริยาบถอย่างง่ายๆ โดยมิให้ใครรู้จักพระองค์ ทำให้ได้ประทับปะปนในหมู่ประชาชน ทรงทราบทุกข์สุขจากปากประชาชนโดยตรง ทำให้ได้ทรงแก้ไขปัดเป่าความทุกข์ยากให้ ราษฎรของพระองค์ได้ผลโดยตรง
(อันนี้ยกมาเป็นตัวอย่างแบบรวบรัดมาครับ ผมอยากให้น้องๆลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ แล้วจะรักท่านมากครับ)
รัชกาลที่ 6 ครองราชย์ 15 ปีกว่าๆ
ผลงานที่สำคัญๆ ของพระองค์
-การศึกษาของชาติเจริญก้าวหน้ามาก ทรงสถาปนาจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
-การพระศาสนาเจริญสูงขึ้น ทรงทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม และขยายการศึกษาของสงฆ์ให้กว้างขวาง
-การคมนาคม เช่น การรถไฟ สะดวกสบายขึ้นมาก
-ทรงดำเนินนโยบายต่างประเทศได้ อย่างถูกต้อง เห็นการณ์ไกล โดยทรงนำประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ส่งทหารเข้าช่วยฝ่ายสัมพันธ มิตรรบในสมรภูมิยุโรป ทำให้นานาชาติรู้จักประเทศไทยมากขึ้น และยังทำให้ประเทศได้รับผลประโยชน์ ด้านต่างๆ ในฐานะประเทศชนะสงคราม
-ทรงจัดตั้งกองทัพอากาศเพิ่มขึ้นอีกกองทัพหนึ่ง ทรงจัดตั้งกองเสือป่าและกองลูกเสือเพื่อปลุกใจพลเมืองให้รักชาติ
-ทรงโปรดให้สร้างบ้านเมืองจำลองขึ้นเรียกว่า ดุสิตธานี เพื่อเป็นโรงเรียนสอน เสนาบดีและอำมาตย์ ให้รู้จักการปกครองแบบประชาธิปไตย
-ทรงโปรดให้กระทรวงมหาดไทย เตรียมร่างกฎหมายปกครองท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเริ่มการปกครองส่วนท้องถิ่นแบบเทศบาลอย่างแท้จริง
-ทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งในเชิงอักษรศาสตร์ มีพระราชนิพนธ์คำประพันธ์ทุกชนิดเกินกว่า 200 เรื่อง
รัชกาลที่ 7 ทรงครองราชย์ 9 ปีกว่าๆ
-ทรงส่งเสริมการศึกษาของชาติทั้งส่วนรวมและส่วนพระองค์ โปรดให้สร้างหอพระสมุดสำหรับพระนคร เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าศึกษาได้อย่างเสรี
-ทรงตั้งราชบัณฑิตยสภา เพื่อมีหน้าที่บริหารและเผยแพร่วิชาการด้านวรรณคดี โบราณคดี และศิลปกรรม
-ทรงให้ทุนนักเรียนไปศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศ
-ทรงโปรดให้ราชบัณฑิตยสร้างหนังสือสอนพระพุทธศาสนาสำหรับเด็ก
-โปรดให้สร้างสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกใน ประเทศไทย
-ในส่วนกิจการรถไฟ ขยายเส้นทางรถทางทิศตะวันออกจากทางจังหวัดปราจีนบุรี จน กระทั่งถึงต่อเขตแดนเขมร
-ทรงยินยอมสละพระราชอำนาจ เป็นพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้กฎหมาย ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญให้กับประชาชน
รัชกาลที่ 8 ทรงครองราชย์ 11 ปีกว่าๆ
ทรงครองราชย์ตั้งแต่ตอนอายุ 9พรรษา ทรงเป็นยุวกษัตริย์ ที่ปฏิบัติพระราชกรณียกิจให้ประชาชนชาวไทยได้เป็นอย่างดีครับ ทรงโปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง เพื่อทรงเยี่ยมประชาชนชาวจีนและอินเดียในบริเวณนั้น เป็นการช่วยลดความแตกแยกระหว่างประชาชนชาวไทยและชาวจีน จนหมดไปด้วยพระปรีชาของพระองค์
รัชกาลที่9 ทรงครองราชย์ 70 ปี
4447 โครงการในพระราชดำริ ถูกตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชน และสิ่งแวดล้อม
(ผมมีโอกาสไปเห็นกับตาตัวเองมาแล้ว 26 โครงการ)
ทุกโครงการมีสถานที่ตั้งชัดเจน พวกเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชม และศึกษาได้เลยครับ ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อแต่อย่างไร!
-หลายโครงการเพื่อการส่งเสริมอาชีพ เช่น การทำฟาร์มโคนม ,โครงการนาข้าวทดลองที่สวนจิตลดา เพื่อเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นดีให้ชาวนานำไปปลูก ขยายพันธ์ ,โครงการเกษตรหลวงที่ดอยอ่างขางเพื่อให้ชาวเขา เลิกปลูกฝิ่นมาปลูกพืชผลและดอกไม้ที่จะเป็นประโยชน์กว่า , โครงการธนาคารโคกระบือ ให้เกษตรกรยืมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการเกษตร , โครงการชั่งหัวมัน แปลงทดลองเกษตรวิถีใหม่เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเกษตรกรนำไปทำตาม,
ศูนย์ศึกษาและพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน เพื่อพัฒนาอาชีพการประมงและการเกษตรในเขตที่ดินชายฝั่งทะเล.
-หลายโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมเช่น กังหันชัยพัฒนา แก้ปัญหาน้ำเสีย, โครงการแกล้งดิน แก้ปัญหาดินเสีย,โครงการฝนเทียม เพื่อลดความแห้งแล้ง, โครงการชลประทาน เพื่อการบริหารจัดการน้ำ, โครงการหญ้าแฝก เพื่อรักษาหน้าดิน, โครงการแก้มลิง เพื่อบริหารจัดการน้ำบรรเทาน้ำท่วม ,โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย จัดการน้ำเสียและขยะ , ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง เพื่อให้ความรู้ มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงดินพรุ ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้. (ยังมีอีกเยอะครับ )
-หลายโครงการเกี่ยวกับสาธารณสุข
ทรงตั้งหน่วยแพทย์พระราชทาน เพื่อตามเสด็จไปรักษาประชาชนทั่วประเทศ ,มูลนิธิราชประชาสมาสัย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อน , มูลนิธิวิจัยประสาทวิทยา เพื่อค้นคว้า ป้องกัน รักษา และสงเคราะห์ผู้ป่วยทางประสาทวิทยาและสมองพิการทุกประเภท, วัคซีนโควิด-19 ที่แอสตร้า ผู้พัฒนาวัคซีนเลือกไทยเป็นฐานในการผลิตวัคซีนโดย บ.สยามไบโอไซเอนซ์ (ก่อตั้งโดยในหลวงรัชกาลที่9)
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ( พระบรมราชชนนีพันปีหลวง)
พระราชกรณียกิจของพระองค์ครอบคลุม 4ด้านใหญ่ๆครับ
-ด้านศิลปวัฒนธรรม
โครงการศูนย์ศิลปาชีพ สร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรไทยทั่วประเทศ ส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้าน การปั้น การทอ และการจักสาน
โครงการนกยูงทอง ยกระดับและพัฒนาผ้าไหมไทย
-ด้านสาธารณสุข
ทรงรับผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรงเป็นคนไข้ในพระราชูปถัมภ์ ทรงจัดตั้งโครงการแพทย์หลวง โครงการทันตกรรมพระราชทาน ,โครงการหมอหมู่บ้าน , โครงการแขน ขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่
-ด้านการศึกษา
ทรงให้ความสำคัญโครงการศึกษานอกระบบโรงเรียน เช่นการสอนอาชีพ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-ด้านสิ่งแวดล้อม
ทรงตั้งโครงการป่ารักษ์น้ำ ,บ้านเล็กในป่าใหญ่ , โครงการพิทักษ์ป่ารักษาชีวิต, โครงการอนุรักษ์สัตว์น้ำ เป็นต้น
รัชกาลที่ 10 ครองราชย์ 2559 - ปัจจุบัน
FYI ท่านทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะทรงขึ้นครองราชย์ อีกนะครับน้องๆ
-ด้านการศึกษา
ทรงยกระดับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38แห่งทั่วประเทศ concept คือ ให้มีคุณภาพการศึกษาและสามารถนำไปพัฒนาท้องถิ่นของตน
ทรงจัดตั้งโรงเรียนในพระราชดำริ เช่น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3แห่ง โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 3แห่ง ,โรงเรียน ทีปังกรวิทยาพัฒน์ 6แห่ง , มกุฏเมืองราชวิทยาลัย, โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์,และ โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพาราชานุสรณ์
-ด้านสาธารณสุข
ทรงตระหนักว่าสุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคล จึงทรงสนพระราชหฤทัยในการประกอบพระราชกรณียกิจกับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ
-ด้านสังคมสงเคราะห์
ทรงเยี่ยมชุมชนแออัดของกรุงเทพฯ หลายแห่ง เช่น ชุมชนแออัดพระโขนง เขตคลองเตย เขตยานนาวา พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการของชุมชน เช่น โครงการพัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลน โครงการปราบปรามยาเสพติด
-ด้านเกษตรกรรม
ทรงตั้งโครงการทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชอื่น ๆ เพื่อพระราชทานแก่เกษตรกร สำหรับนำไปใช้ในการเพาะปลูกเป็นการเพิ่มผลผลิต ที่บ้านแหลมสะแก จังหวัดสุพรรณบุรี
ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 เพื่อช่วยเหลือราษฎรในท้องถิ่นให้ได้มีเทคโนโลยีการเกษตรแผนใหม่
ทรงมีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาแหล่งน้ำในหลายพื้นที่ เช่น ศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาด้านการเกษตรกรรมเกษตรวิชญา บ้านกองแหะ อำเภอแม่ริม
สมเด็จพระเทพฯ
(สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี)
พระราชกรณียกิจของพระองค์ครอบคลุม 5 ด้านใหญ่ๆครับ
-ด้านการศึกษา
ทรงเป็น "ทูลกระหม่อมอาจารย์" สำหรับนักเรียนนายร้อย
ทรงพระราชดำริให้ก่อตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับบุตรหลานข้าราชบริพารและประชาชนทั่วไป
ทรงพระราชทานทุนส่งเสริมการเรียนดี และพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานจากสถานศึกษาต่าง ๆ คือ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ วิทยาลัยในวังชาย วิทยาลัยในวังหญิง โรงเรียนผู้ใหญ่พระดาบส ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง) กาญจนาภิเษกวิทยาลัย (ช่างทองหลวง)
ทรงมีแนวความคิดจัดตั้งโครงการพัฒนานักอักษรศาสตร์รุ่นใหม่ขึ้น โดยความร่วมมือของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทรงสนับสนุนการช่วยเหลือ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ให้เป็นโรงเรียนผลิตนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ สร้าง"องค์ความรู้"ให้แก่ประเทศไทย
-ด้านการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรม
ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทยทั้งในด้าน การช่างไทย นาฎศิลป์ไทย งานพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์และโบราณสถาน ภาษาและวรรณกรรมไทย พระองค์ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญาว่า “ เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย ”
-ด้านการพัฒนาห้องสมุดและการรู้หนังสือ
สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยการอ่านและการพัฒนาห้องสมุด ทรงรับสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯไว้ในพระราชูปถัมภ์
-ด้านการสาธารณสุข
จากการที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังถิ่นทุรกันดาร ทำให้พระองค์ทอดพระเนตรเห็นถึงปัญหาทางด้านสุขภาพอนามัยของราษฎรในชนบท จึงทรงตั้งโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน
พระองค์ยังทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์พระราชทานและหน่วยทันตกรรมพระราชทานเพื่อออกตรวจรักษาราษฎรในถิ่นทุรกันดารที่พระองค์เสด็จ
-ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ทรงเป็น “IT Princess”
พระองค์มีพระราชดำริให้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาพัฒนาประเทศหลายประการ เช่นการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนในชนบท มีโรงเรียนในโครงการประมาณ 85 แห่ง
โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อคนพิการ เพื่อให้คนพิการสามารถใช้คอมพิวเตอร์เพื่อสร้างความรู้ สร้างอาชีพต่อไปในอนาคต
ทรงโปรดให้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับงานทางด้านการเผยแพร่วัฒนธรรมของไทย 76 จังหวัด ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยมีกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ดูแลโครงการนี้
เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี)
-ทรงก่อตั้งกองทุนจุฬาภรณ์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทย
-ทรงก่อตั้งศูนย์วิจัยด้านโรคมะเร็งที่มีความเป็นเลิศทางการวิจัย วิชาการ และการบำบัดรักษา พร้อมทั้งพัฒนาเป็นศูนย์ชำนาญการวินิจฉัยมะเร็งที่ก้าวหน้าและทันสมัยที่สุดในภูมิภาค
-ทรงจัดตั้งศูนย์ไซโคลตรอนและเพทสแกนแห่งชาติ(Cyclotron and PET Scan) ซึ่งเป็นหน่วยงานให้บริการในการตรวจโดยสารเภสัชรังสี เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูง
-ทรงให้ความสำคัญกับงานเทคโนโลยีเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ โปรดให้จัดงานประมงน้อมเกล้าฯ เป็นกิจกรรมการแสดงนิทรรศการของการประมงในประเทศไทย
-ทรงก่อตั้งมูลนิธิ หน่วยงาน เพื่อสุขภาพที่ดีของชาวไทยตลอดจนสิ่งแวดล้อมเช่น มูลนิธิเทียนส่องใจเพื่อคนไข้โรคลมชัก , สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย, สมาคมเคมีแห่งประเทศไทย ,และ มูลนิธิรักษาพยาบาลสัตว์ป่วยอนาถา โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
(นี่แค่เป็นข้อมูลคร่าวๆนะครับ เพื่อให้เห็นภาพรวมของพระราชกรณียกิจของแต่ละพระองค์)
จากสิ่งที่สถาบันกษัตริย์ได้ทำให้กับประเทศชาติ แล้วพวกเราจะยังอยากที่จะเรียกร้องปฎิรูปสถาบัน 10 ข้อนี้อีกหรือ?
1. ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ ที่ว่าผู้ใดจะกล่าวหาฟ้องร้องกษัตริย์มิได้
2. ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงเปิดให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นต่อสถาบันกษัตริย์ได้ และนิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีเพราะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ทุกคน
3. ยกเลิก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561 และให้แบ่งทรัพย์สินออกเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลัง และทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ของส่วนตัวของกษัตริย์อย่างชัดเจน
4. ตัดลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้กับสถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
5. ยกเลิกส่วนราชการในพระองค์ หน่วยงานที่มีหน้าที่ชัดเจน เช่น หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ให้ย้ายไปสังกัดหน่วยงานอื่น และหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็น เช่น คณะองคมนตรี ให้ยกเลิก
6. ยกเลิกการบริจาคและรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลทั้งหมด เพื่อกำกับให้การเงินของสถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้การตรวจสอบทั้งหมด
7. ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ
8. ยกเลิกการประชาสัมพันธ์และการให้การศึกษาที่เชิดชูสถาบันกษัตริย์แต่เพียงด้านเดียวจนเกินงามทั้งหมด
9. สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารเข่นฆ่าราษฎรที่วิพากษ์วิจารณ์หรือมีความเกี่ยวข้องใดๆ เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
10. ห้ามมิให้ลงพระปรมาภิไธยรับรองการรัฐประหารครั้งใดอีก
พี่ขอถามตรงๆนะ
1.มีข้อไหนที่ยกเลิกไปแล้วทำให้เรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นบ้างครับ?
2.น้องๆอยากจะบูลลี่กษัตริย์แล้วไม่มีความผิด มากเลยเหรอ?
3.ตัวคนที่ชักจูงพวกน้องๆเคยทำอะไรเพื่อประเทศชาติและประชาชนบ้างครับ?
สงครามล้มเจ้านี้ไม่ใช่ของพวกเราครับ
อย่ายอมเป็นเบี้ยในกระดานให้ใครอีกเลย!
ย้ำอีกทีนะ ถ้าแค่รถติดแล้วทำให้เราคิดล้มเจ้า และถ้าเราเชื่อจดหมาย CIA ลับสุดๆแต่ดันไปอยู่ในมือคนล้มเจ้า! แล้วทำไมเราไม่เข้าไปดูโครงการต่างๆที่ในหลวงทำหละครับ? ไปค้นหาความจริงแล้วจะรู้ว่า ท่านทำเพื่อพวกเรา พ่อแม่ และญาติมิตรของเราจริงๆ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นเลยครับ เพราะมีอยู่ทั่วประเทศ รอการพิสูจน์จากน้องๆเลยครับ ท้าให้ไปจริงๆ
พี่อยากจะบอกว่า คนแก่ คนรุ่นเก่า พ่อแม่ของเรา เค้าไม่ได้ถูกล้างสมองจากข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตหรือโฆษณาชวนเชื่อหรอกครับ แต่พวกเค้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ได้พบ ได้เห็น ได้สัมผัสกับสิ่งที่ท่านทำเพื่อประชาชนของพระองค์จริงๆครับ
(ขอบคุณที่น้องๆอ่านจนจบนะครับ ตอนนี่น่าจะทราบกันแล้วนะครับว่า กษัตริย์มีไว้ทำไม?) 🙂🙂🙂
วชิรภัทร อินทุภูติ
ผมแค่เป็นคนไทยที่รักสถาบันคนนึงครับ