สายน้ำนั้นไหลไปตามกาล สักวันวาลคงแห้งเหือดหมดหาย
แม้แต่คนสักวันหนึ่งก็เปลี่ยนกาย เปลี่ยนมลายจิตใจมิแน่นอน
ความสุขของชีวิต |
วันเวลาผ่านไป เรานั่งย้อนมองตัวเองอย่างเงียบๆท่ามกลางธรรมชาติแมกไม้ ที่ข้างหน้าเป็นทุ่งนา นั่งอยู่ใต้ต้นหว้าซึ่งร่มใบเขียวขจีร่มรื่น สายลมพัดเอื้อยๆ มีแมลงปอบินไปบินมา ทำให้ฉันได้อยู่กับตัวเองและได้ยินเสียงธรรมชาติ มองเห็นธรรมชาติ ได้ยินเสียงลม ได้ยินเสียงนกน้อยๆร้องเพลง ตามองเห็นดอกหญ้าซึ่งสวยงามปะปนในท่งหญ้าเตี้ยๆหลายแบบหลายสี ซึ่งเมื่อก่อนฉันได้เดินผ่านและเหยียบย้ำดอกหญ้าเหล่านั้นไม่รู้สึกอะไร เสียงนกหลากหลายซึ่งมันมีอยู่แต่ฉันไม่เคยได้ยินมัน แต่ขณะนี้ฉันมีความรู้สึกว่าหลายสิ่งหลายอย่างชีวิตในยามเด็กของฉันได้กลับย้อนมา เอ้ะ แล้วทำไมน่ะเป็นเพราะอะไร ยามเด็กฉันเล่นสนุกอย่างมีความสุขกับเพื่อนท่ามกลางท้องนาอันกว้างใหญ่ลมพัดโบกโบย หัวใจฉันล่องลอยไปอย่างมีความสุข แต่มันก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน เมื่อก่อนยามเด็กดอกหญ้าฉันเห็นมันและเด้ดมันมาถักเป็นมงกุฏสวมใส่ศรีษะเล็กๆของฉันมันมีคุณค่า เสียงนกคือดนตรีบรรเลงที่เพราะที่สุด ฉันได้อยู่กับสิ่งเหล่านั้นหลายอย่าง ได้ยิน ได้สัมผัส ได้รับรู้ว่าโลกนี้ช่างน่าอยู่ แต่ก็ว่าสิน่ะตอนนี้มันไม่ใช้เด็กที่วิ่งแก้ผ้าได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทำอะไรผิดก็ไม่มีใครถือสาว่าโทษ นอนหลับก็สบายไม่มีอะไรที่คอยกังวล ตื่นเช้ามาก็สดชื่นมีพลังวันใหม่อีกอย่างไม่รู้จักเหนื่อย เวลาแห่งความสุขได้ผ่านไปเร็วเหลือเกินเหมื่อนสายนำลำธารที่ไหลไปอย่างไม่ย้อนกลับ และอาจจะแห้งสลายไปตามเวลา เหลือแต่เพียงรอยแห่งลำธารพื้นทราย ที่มองให้เห็นเป็นความทรงจำ ใจฉันเปลี่ยนไป กายก็เปลี่ยน ฉันได้รู้สึกเริ่มมองเห็นตัวเองว่า ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลง มิอาจอยู่คงที่และทนได้ กายฉัน ใจฉัน เมื่อก่อนย้อนไปตามแต่ละวัยมันได้ตายไปแล้ว และมันก็มิใช่ตัวฉัน แต่ปัจจุบันที่ฉันยืนอยู้นี้คือความจริง และมันคือความจริงที่ฉันรู้สึกว่ามันคือความสุขเมื่อยามเด็ก สิ่งนั้นคือ ความสุขที่ฉันได้อยู่กับปัจจุบัน อย่างไม่ต้องกังวลทุกข์ใจอนาคตที่มาไม่ถึง ไม่หวลย้อนอดีตที่แสนปวดร้าวที่ผ่านมา ยามเด็กไม่มีอดีตไม่มีอนาคต และตอนนี้ฉันได้รู้ว่าต่อจากนี้ฉันจะเริ่มต้นเดินชีวิตใหม่อย่างไร อยู่กับใจตัวเองคือโลกแห่งความจริงในปัจจุบัน สติปัญญาใช้แทนความหวังที่นำทางอนาคต จะเดินไปและอยู่อย่างมีความสุขท่ามกลาง สายน้ำแห่งเวลาที่ที่คอยไหลเข้ามาหาเราและค่อยๆกลืนชีวิตเราสู่ความตายอันบริบูรณ์ อย่างน้อยก้ขอบคุณต้นไม้ สายลม ดอกหญ้า นกน้อย และเหล่าแมลง และร่มเงา ที่ทำให้ฉันรู้คุณค่าของชีวิตที่แท้ อยู่กับตัวเอง อยู่กับคนอื่น อยู่กับธรรมชาติ อย่างวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา ฉันคงจะมีเวลาที่จะให้ความรักและคุณค่ากับคนอื่นๆอย่างมีความสุขและไม่เสียดายที่ฉันจะตายไปวันไหน มันไม่สายหากตอนนี้ฉันเริ่มต้นในวัยอายุ ๕๐ ปี แล้วคุณละจะเริ่มเข้าใจชีวิตตอนไหน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ยินดีต้อนรับความคิดเห็นดีๆ ติชมบทความตามพอเหมาะ